วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เหตุการณ์รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 เวลา 16.30 น. คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. โดยมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นหัวหน้าคณะ นับเป็นการรัฐประหารครั้งที่ 13 ในประวัติศาสตร์ไทย  
โดยก่อนเกิดรัฐประหารสองวัน พลเอก ประยุทธ์ ประกาศกฎอัยการศึก ตั้งแต่เวลา 03:00 นาฬิกา ด้วยการอาศัยอำนาจตามกฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 ต่อมากองทัพบกได้ออกประกาศยุติการดำเนินการของศูนย์อำนายการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) และจัดตั้ง กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) ขึ้นแทนโดยมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ผอ.รส.) 
สรุปเหตุการณ์ระทึก 20-22 พ.ค.  รัฐประหาร พ.ศ. 2557 
20 พ.ค.  
03:00 น. - กองกำลังทหารพร้อมอาวุธครบมือ เข้าควบคุมช่องโทรทัศน์ทั้งภาคพื้นดินและผ่านดาวเทียมหลายช่อง โดยร้องขอให้เชื่อมสัญญาณออกอากาศ จากสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5
04:00 น. - สื่อสังคมออนไลน์ เริ่มมีการเผยแพร่คำสั่ง ประกาศกฎอัยการศึก และประกาศจัดตั้ง กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.)
06:30 น. - ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะ ผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ออกประกาศใช้กฎอัยการศึก ทั่วราชอาณาจักร ทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย
08:25 น. - คำสั่งฉบับที่ 1 กอ.รส. เรื่องการถ่ายทอดการออกอากาศของสถานีวิทยุกระจายเสียง สถานีวิทยุโทรทัศน์ และ สถานีวิทยุชุมชน ให้สื่อวิทยุและโทรทัศน์ทั้งหมด รับสัญญาณถ่ายทอด แถลงการณ์จากกองทัพบก ทุกครั้งที่ได้รับการประสาน
08:40 น. - คำสั่งฉบับที่ 2 กอ.รส. ให้ผู้ชุมนุมทางการเมืองอยู่ในพื้นที่เดิม โดย กปปส. ให้อยู่ที่ถนนราชดำเนิน เขตพระนคร และถนนแจ้งวัฒนะ ช่วงหน้าศูนย์ราชการฯ เขตหลักสี่ ส่วน นปช. ให้อยู่ที่ถนนอักษะ เขตทวีวัฒนา
09:50 น. - คำสั่งฉบับที่ 3 กอ.รส. ห้ามสื่อข่าวที่กระทบต่อการรักษาความสงบ
10:35 น. - คำสั่งฉบับที่ 4 กอ.รส. ขอเรียนเชิญบุคคลสำคัญเข้าร่วมประชุม เพื่อให้การแก้ไขปัญหาความไม่สงบเรียบร้อยเป็นไปด้วยความสงบสันติ ปราศจากการสุญเสีย ทั้งชีวิตและทรัพย์สินประชาชน กอ.รส.จึงขอเรียนเชิญบุคคลสำคัญเข้าร่วมประชุม
11:05 น. - คำสั่งฉบับที่ 5 กอ.รส. แต่งตั้งคณะที่ปรึกษา กอ.รส.
12:35 น. - คำสั่งฉบับที่ 6 กอ.รส. สั่งให้โทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ระงับการออกอากาศจำนวน 10 ช่อง รวมถึงวิทยุชุมชนที่ไม่ได้รับอนุญาต 1.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม เอ็มวี 5 2.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม ดีเอ็นเอ็น 3.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมยูดีดี 4.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอเชียอัพเดท 5.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม พีแอนด์พี 6.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมโฟว์ชาแนล 7.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมบลูสกาย8.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมเอฟเอ็มทีวี9.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมทีนิวส์ 10.สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม เอเอสทีวี 11.สถานีวิทยุชุมชนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งกฎหมายตามกำหนดตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
14:00 น. - เริ่มประชุมตามคำสั่งฉบับที่ 4 ที่สโมสรทหารบก สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ปฏิเสธไม่เข้าร่วมประชุม
19:34 น. - คำสั่งฉบับที่ 8 กอ.รส. ขอความร่วมมือสื่อสังคมออนไลน์ ระงับส่งข้อความปลุกระดม สร้างความรุนแรง ไม่เคารพกฎหมาย
19:45 น. - คำสั่งฉบับที่ 7 กอ.รส. สั่งให้โทรทัศน์ดาวเทียม ระงับการออกอากาศเพิ่มเติมอีก 4 ช่อง
20:09 น. - คำสั่งฉบับที่ 9 กอ.รส. สั่งห้ามสื่อทุกแขนง เชิญผู้ไม่มีตำแหน่งราชการ แสดงความเห็นก่อความขัดแย้ง พร้อมสั่งให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัด เข้าระงับการชุมนุมต่อต้าน การปฏิบัติงานของ กอ.รส.
20:49 น. - คำสั่งฉบับที่ 10 สั่งห้ามข้าราชการ เจ้าหน้าที่พลเรือน ประชาชน พกพา ใช้อาวุธสงครามและวัตถุระเบิด เว้นทหารตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยตามคำสั่ง

วันที่ 21 พฤษภาคม 2557
ในช่วงบ่ายมีประกาศ กอ.รส. ฉบับที่ 7/2557 เรียกตัวแทนจาก 7 ฝ่ายเข้าร่วมประชุมที่สโมสรกองทัพบก ถนนวิภาวดี รังสิต 
ผู้แทนรัฐบาล ประกอบด้วย
รักษาการณ์นายกรัฐมนตรี และผู้ติดตาม 4 ท่าน 
ผู้แทนวุฒิสภา ประกอบด้วย รองประธานวุฒิสภาท่านที่ 1 พร้อมคณะอีก 4 ท่าน 
คณะกรรมการการเลือกตั้ง ทั้ง 5 ท่าน 
ผู้แทนพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรค และผู้ติดตาม 4 ท่าน 
ผู้แทนพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และผู้ติดตาม 4 ท่าน 
ผู้แทนคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. พร้อมคณะอีก 4 ท่าน
ผู้แทนแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. และคณะอีก 4 ท่าน
โดยประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียดตั้งแต่เวลา 13.30 น. จน พล.อ.ประยุทธ์ ตัดสินใจให้มาประชุมกันใหม่ในวันพรุ่งนี้เวลา 14.00 น.เพื่อหาทางออกของประเทศร่วมกัน ภายหลังรัฐมนตรีรักษาการได้ออกมาเผยว่าท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ในที่ประชุมดูแปลกไป แต่ตนเชื่อว่าพล.อ.ประยุทธคงไม่คิดจะทำการรัฐประหารแน่นอน
วันที่ 22 พฤษภาคม 2557
14:00 น. - ประชุมร่วม 7 ฝ่าย ครั้งที่ 2 โดยมี ผบ.ทบ. เป็นประธานในที่ประชุมระหว่างการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ได้เปิดโอกาสให้แต่ละฝ่ายได้เสนอแนวทางที่เห็นว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดของประเทศ โดยได้สอบถาม นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม ในฐานะหัวหน้าคณะฝ่ายรัฐบาล ว่าตกลงรัฐบาลยืนยันไม่ลาออกทั้งรายบุคคลและทั้งคณะใช้หรือไม่ ซึ่งนายชัยเกษมระบุว่านาทีนี้ไม่ลาออกและต้องการดำเนินการต่อจนกว่าจะครบวาระตามกฎหมาย พล.อ.ประยุทธ์ จึงตอบกลับว่าจะยึดอำนาจการปกครอง และเมื่อสิ้นสุดเสียง เจ้าหน้าที่ทหารกว่าหลายร้อยนายได้เข้ามาชาร์จผู้ประชุมทั้ง 7 ฝ่ายและพาขึ้นรถออกไปทันที โดยไม่ทราบจุดหมายปลายทาง
16:30 น. - พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศตั้ง "คณะรักษาความสงบแห่งชาติ" (อังกฤษ: National Peace and Order Maintaining Council อักษรย่อ: คสช.) เข้ามายึดอำนาจรัฐบาลรักษาการณ์ในทันที รวมถึงให้กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) สิ้นสุดอำนาจทันทีเช่นกัน แต่ทั้งนี้คำสั่งต่างๆ ยังคงมีผลต่อเนื่องอยู่
18:00 น. - คณะรักษาความสงบแห่งชาติประกาศใช้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักรอีกครั้ง
18.15น. - ประกาศฉบับที่ 3
1.ห้ามออกนอกเคหะสถาน 22.00-05.00 ตั้งแต่ 22พค.57 เป็นต้นไป เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
2.ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพรบ.กฏอัยการศึก พศ2457 เข้าปฏิบัติพื้นที่ ในเขตพื้นที่ และระยะเวลาที่กำหนดได้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
18.30 น. - ประกาศ ฉบับที่ 4 การถ่ายทอดออกอากาศของสถานีวิทยุกระจายเสียง สถานีวิทยุโทรทัศน์กระจายเสียง และ สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมและเคเบิ้ล
ประกาศมีเนื้อหาดังนี้
เพื่อความถูกต้อง สามารถติดต่อสื่อสารระหว่างส่วนกลาง และ ส่วนภูมิภาคได้อย่างต่อเนื่อง ทันต่อสถานการณ์ อาศัยอำนาจตามความม. 10 และ ม.11 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ.2457 จึงให้สถานีวิทยุกระจายเสียง สถานีวิทยุโทรทัศน์กระจายเสียง สถานนีโทรทัศน์ดาวเทียมและเคเบิ้ล ดำเนินการดังนี้
1.ให้สถานีวิทยุกระจายเสียงทุกสถานีทั้งที่เป็นของราชการและเอกชนงดรายการประจำสถานี และให้ถ่ายทอดกระจายเสียงจากสถานีวิทยุกระจายเสียงของกองทัพบก
2.ให้สถานีวิทยุโทรทัศน์กระจายเสียงทุกสถานีทั้งทีเป็นของทางราชการและเอกชน งดรายการประจำของสถานี และให้ถ่ายทอดออกรายการจากสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก
3.ให้สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม และเคเบิ้ลทุกสถานีงดรายการประจำของสถานี และให้ถ่ายทอดออกรายการจากสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง
ประกาศ ณ วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2557
19.10 น. - ประกาศ ฉบับที่ 5
1. รธน. พ.ศ. 2550 สิ้นสุดลงชั่วคราว ยกเว้น หมวด 2 เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ 
2. ครม.รักษาการสิ้นสุดลง 
3. ส.ว. ยังปฏิบัติหน้าที่ต่อ
4. ศาลยังมีอำนาจพิจารณาคดี 
5. องค์กรอิสระและ องค์กรอื่นตาม รธน.ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
19.16 น. - ประกาศ ฉบับที่ 6 แต่งตั้งตำแหน่งสำคัญ ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) 
พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร เป็นรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) 
พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย เป็นรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) 
พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง เป็นรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) 
พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็นรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) 
พลเอกอุดมเดช สีตบุตร เป็นเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
19.25 น. - คำสั่ง คสช.1/57 ให้บุคคลมารายงานตัว 18 คน ภายในวันที่ 22 พฤษภาคม
นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล
พงษ์เทพ เทพกาญจนา
จาตุรนต์ ฉายแสง
วิเชษฐ์ เกษมทองศรี 
พงศ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล
จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ
เบญจา หลุยเจริญ
สมศักดิ์ ภูรีศรีศักดิ์
ปวีณา หงสกุล
พล.อ.พฤณฑ์ สุวรรณทัต
พ้อง ชีวานันท์
ยรรยงค์ พวงราช
วิศาร เตชะธีรวัฒน์
สนธยา คุณปลื้ม
ประดิษฐ์ สินธวณรงค์
สวรงษ์ เทียนทอง
ประเสริฐ บุญชัยสุข
19.36 น. - ประกาศฉบับที่ 7 ห้ามชุมนุมทางการเมือง ห้ามชุมนุมทางการเมือง 5 คนขึ้นไป เพื่อให้สถานการณ์กลับสู่ปกติโดยเร็ว โทษคุก 1 ปี ปรับ 20,000
20.30 น. - ดวง อยู่บำรุง เผย เฉลิม อยู่บำรุง ถูกทหารควบคุมตัวมาที่ ร.1 รอ.แล้ว @thapanee3miti
20.55 น. - ประกาศฉบับที่ 8 ข้อยกเว้นการห้ามออกนอกเคหสถาน คนเดินทางเข้าออกประเทศ , คนเข้ากะเข้าผลัดโรงงานอุตสาหกรรม , การขนส่งสินค้ากิจการห้องเย็น/สินค้ามีอายุจำกัด ผู้ป่วย
21.00 น. - ประกาศฉบับที่9 ให้สถานศึกษาทุกแห่งหยุดทำการ ตั้งแต่วันที่ 23-25 พ.ค. 2557
23.45 น. - พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก แจ้ง พื้นที่การชุมนุมของกปปส. ผู้ชุมนุมทยอยกลับแล้ว มีบางส่วนที่ขอพำนักจนถึงเช้า เพื่อรอญาติมารับ พื้นที่ถนนอักษะ มีรถให้บริการ 30 คัน เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้ประชาชนได้ทยอยกลับบ้าน ซึ่งขณะนี้ประชาชนเดินทางกลับหมดแล้ว หลังจากนี้จะจัดระเบียบและคืนพื้นผิวจราจร
23.50 น. - ประกาศฉบับที่ 10 ในระหว่างไม่มีผู้ใดดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ให้อำนาจหน้าที่นายกรัฐมนตรี เป็นอำนาจหน้าที่ของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือผู้ที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมอบหมาย
23.55 น. - ประกาศฉบับที่ 11 การสิ้นสุดรธน. 50 สิ้นสุดลง เว้นหมวดกษัตริย์คงไว้ ครม.รักษาการสิ้นสุด / ส.ว. /ศาล/องค์กรอิสระตาม รธน.คงไว้
23.58 น. - ประกาศฉบับที่ 12 ขอความร่วมมือจากสื่อสังคมออนไลน์ ขอความร่วมมือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ระงับการให้บริการส่งข้อความยั่วยุ เชิงปลุกระดม ต่อต้านการปฎิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หากฝ่าฝืนจะระงับการบริการและเรียกมาดำเนินคดี

วันที่ 23 พฤษภาคม 2557
0.50 น. -ประกาศฉบับที่ 13 ขอให้บุคคลสำคัญมารายงานตัว ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2557 เวลา 13.00 น . ประกอบด้วย หัวหน้าส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจ ปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยให้มารายงานตัวตามสถานที่ที่กำหนดไว้
0.57 น.- ประกาศฉบับที่ 14 ห้ามเจ้าของกิจการสื่อ เชิญบุคคลหรือกลุ่มบุคลที่มิได้ดำรงตำแหน่งในปัจจุบันให้สัมภาษณ์ หรือแสดงความคิดเห็น อันก่อให้เกิดความขัดแย้ง หากฝ่าฝืนจะถูกเรียกตัวมาดำเนินคดี / ให้ผู้ว่าราชการ ตำรวจ ระงับการชุมนุมที่ต่อต้านการทำงานของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ
1.00 น. - ประกาศฉบับที่ 15 ระงับการออกอากาศ สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม เคเบิลทีวี ทีวีดิจิทัล วิทยุชุมชนออกอากาศ 25 สถานีป้องกันสร้างความขัดแย้ง
1.10 น. -คำสั่งฉบับที่ 2 เรียกรายงานตัวเพิ่มเติม โดยให้มารายงานตัวในเวลา 10.00น .วันที่ 23 พฤษภาคม 2557
1.35 น. - ประกาศฉบับที่ 16 ให้ปลัดกระทรวงปฎิบัติราชการแทนรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
1.39 น. - ประกาศฉบับที่ 17 เรื่องเผยแพร่ข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต ผู้ให้บริการตรวจสอบเข้มงวด และมารายงานตัวที่ กสทช. พรุ่งนี้ 10.30 น.
1.39 น. - ประกาศฉบับที่ 18 สื่อมวลชนทุกประเภท งดเว้นการนำเสนอข้อความอันเป็นเท็จ
2.00 น.  - ประกาศฉบับที่ 19 ให้หัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ระดับอธิบดีขึ้นไป หรือเทียบเท่า มารายงานตัวที่สโมสรทบ. เวลา 13.30 น. (23 พ.ค.)
08.56 น. คำสั่งฉบับที่ 3 เรียกบุคคลรายงานตัวเพิ่มเติม 114 คน ปรากฎชื่อนายทหารตำรวจ อดีตรมต. แกนนำ คปท. ,นปช. และ กปปส. ที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศร์
09.00 น. นายยรรยง พวงราช อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เดินมารายงานตัวเป็นคนแรกตามด้วย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นางเบญจา หลุยเจริญ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี 
09.38 น. นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายประชา ประสพดี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มารายงานตัว 
9.45 น.  น.ส.อัญชลี ไพรีรักษ์ หนึ่งในแกนนำกปปส. ก็ได้เดินทางมารายงานเช่นเดียวกัน ด้านกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด โดยใช้เจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ หน่วยเคลื่อนที่เร็วจากกรมทหารเรียบที่ 31 รักษาพระองค์ (อาร์ดีเอฟ) สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหน่วยคอมมานโดประจำจุดตรวจรอบกองทัพบกเทเวศน์
11.20 น. ประกาศฉบับที่ 20 เชิญคณะทูตานุทูต ผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศ ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารทุกเหล่าทัพ เข้าฟังคำชี้แจง ในวันที่ 23 พ.ค.เวลา 16.00 น. ณ สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต
12.00 น . .ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางด้วยรถตู้โฟล์คสีดำ หมายเลขทะเบียน นบ 1 กทม. เข้ารายงานตัวกับ คสช. ที่หอประชุมกองทัพบก เทเวศน์
12.16 น. ประกาศฉบับที่ 21 ห้าม 155 คนที่ถูกหมายเรียกเดินทางออกนอกประเทศ และหากไม่มาตามหมายเรียก จะถูกติดตามจับกุม

คณะรัฐประหารของไทยที่ก่อการสำเร็จ มักจะเรียกตนเองหลังก่อการว่า "คณะปฏิรูป" หรือ "คณะปฏิวัติ" เพื่อให้มีความหมายไปในเชิงบวก อย่างไรก็ตาม มีผู้เสนอว่าการ "ปฏิวัติ" หรือ "อภิวัฒน์" (revolution) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองนั้น เกิดขึ้นกับประเทศไทยเพียงครั้งเดียว จากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ (Absolute Monarchy) เป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ (Constitutional Monarchy) เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 แต่ความเห็นอีกด้านหนึ่งกล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวมีลักษณะผสมผสาน ระหว่างการปฏิวัติกับการรัฐประหาร เนื่องจากมีการใช้กำลังทหาร ในการควบคุมบังคับ เพื่อระงับอำนาจของรัฐบาล ในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

ผู้ก่อการรัฐประหารในประเทศไทยเป็นผลสำเร็จ ล้วนแต่มาจากฝ่ายทหารบกทั้งสิ้น ส่วนทหารเรืเคยพยายามก่อรัฐประหารมาแล้ว ในกรณีกบฏวังหลวง เมื่อปี พ.ศ. 2492 และกบฏแมนฮัตตัน เมื่อปี พ.ศ. 2494 แต่กระทำการไม่สำเร็จ แล้วหลังจากนั้น ทหารเรือก็เสียอำนาจในการเมืองไทยไป
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ยืนยันว่ารัฐบาลรักษาการยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ตามเดิม หลังจากที่กองทัพได้ประกาศกฎอัยการศึกเมื่อเวลา 03.00 น.ที่ผ่านมา
       
       “การประกาศกฎอัยการศึกมีจุดประสงค์เพื่อคืนความสันติและเสถียรภาพแก่บ้านเมือง ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล และรัฐบาลยังสามารถปฏิบัติภารกิจต่อไปได้ตามปกติ” พ.อ.วินธัยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์
       
       พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการกองทัพบก ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า กองทัพจำเป็นต้องเข้ามารักษาความสงบเรียบร้อยเนื่องจากมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมทางการเมืองซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตและสร้างความเสียหาย ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตไปแล้วเกือบ 30 คนนับตั้งการชุมนุมขับไล่รัฐบาลเริ่มต้นขึ้นในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
       
       “เราเกรงว่าการใช้ความรุนแรงเหล่านี้อาจกระทบต่อความมั่นคงโดยรวมของชาติ เพราะฉะนั้นจึงต้องมีการประกาศกฎอัยการศึกเพื่อคืนความสงบเรียบร้อย... ผมขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมทุกฝ่ายยุติกิจกรรมทั้งหมด และร่วมมือกับกองทัพเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ”
       
       การเมืองไทยเข้าสู่ภาวะติดหล่มอีกครั้ง หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีก 9 คนถูกศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาถอดถอนเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ในความผิดฐานใช้อำนาจโดยมิชอบ ส่งผลให้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ต้องเข้ามาปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีชั่วคราว
       
       สัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่อาวุโสสหรัฐฯ คนหนึ่งออกมาระบุว่า สหรัฐฯ “ค่อนข้างเชื่อมั่น” ว่ากองทัพไทยจะใช้ความอดทนอดกลั้น และไม่เข้าแทรกแซงสถานการณ์การเมือง
       
       เอมี ซีไรต์ รองผู้ช่วยรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ฝ่ายกิจการเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชี้ว่า “กองทัพไทยน่าจะได้รับบทเรียนบางอย่างแล้ว” จากการโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งทำให้วอชิงตันตัดความช่วยเหลือแก่ประเทศไทย
       
       ทหารระดับนายพลผู้หนึ่งระบุว่า เวลานี้กองทัพได้ส่งทหารออกไปควบคุมความสงบเรียบร้อยในกรุงเทพมหานคร รวมถึงสถานีโทรทัศน์ต่างๆ
       
       “เราประกาศกฎอัยการศึก ไม่ใช่การรัฐประการ เนื่องจากเวลานี้บ้านเมืองขาดเสถียรภาพ มีการลอบสังหารเกิดขึ้นแทบทุกวัน” นายพลซึ่งไม่ประสงค์ออกนามให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์
       
       “เราขอความร่วมมือจากสถานีโทรทัศน์ต่างๆ ให้ช่วยประกาศให้ประชาชนทราบว่า ไม่ต้องตื่นตระหนก ยังไม่มีการรัฐประหารเกิดขึ้น”
       
       นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ยืนกรานเมื่อวานนี้ (19) ว่า การสละตำแหน่งไม่ใช่ทางออกของวิกฤตการเมือง
       
       ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ยืนยันว่าเขาและมวลชนคนเสื้อแดงที่สนับสนุนรัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะยังยึดถนนอักษะเป็นพื้นที่ชุมนุม จนกว่าจะสามารถฟื้นคืน “หลักการประชาธิปไตย” และจัดการเลือกตั้งได้
       
       “ไม่เป็นไร” นายจตุพรให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ ซึ่งถามว่าเขาคิดอย่างไรกับการประกาศกฎอัยการศึกครั้งนี้
       
       “เราจะอยู่กันที่นี่และชุมนุมกันต่อไป จนกว่าประเทศนี้จะกลับสู่แนวทางประชาธิปไตย ซึ่งจะนำไปสู่การเลือกตั้งและการมีนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง”
       
       ด้าน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า “กองทัพกำลังพยายามเจรจาให้กลุ่มคนเสื้อแดงสลายการชุมนุม”
       
      
 เหตุชุมนุมทางการเมืองที่ยืดเยื้อและทำให้ไทยยังไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งหดตัวลง 2.1% ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้